Negative Feedback ทำงานยังไง
จากเมื่อวานที่ได้คุยถึง Positive Feedback วันนี้จะพูดถึง Negative Feedback ครับ
สมมติว่าถ้าเราไม่ต้องการให้ลูกทำบางสิ่งบางอย่างเช่นปีนต้นไม้ สิ่งที่เราทำก็คือการห้ามใช่ไหมครับ
หรือแม้กระทั่งการทำงานถ้าเราต้องการให้เพื่อนร่วมงานส่งงานไม่เรียบร้อย ไม่ตรงเวลา ก็มีบ้างที่เราจะไปบอกแนะนำให้คนๆ นั้น ทำงานให้ดีกว่านี้ หรือ ส่งงานให้ตรงเวลากว่านี้
สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็น Negative Feedback นั่นเอง
โดยที่ Negative Feedback คือ ข้อมูลที่ถูกส่งให้ผู้รับเพื่อวัตถุประสงค์ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ขณะที่ Positive Feedback คือข้อมูลที่จะสนับสนุนให้ผู้รับสาร กระทำสิ่งนั้นต่อไป หรือถ้าจะมีการพัฒนาก็จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป
Negative Feedback จะลักษณะของความตรงไปตรงมาว่า อยากให้แก้ไขเป็นแบบนี้ ซึ่งจะมีความรวดเร็วในกระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่า Positive Behavior นั่นเอง
ดังนั้นข้อดีของ Negative Feedback เรื่องหนึ่งคือ การที่มันช่วยในเรื่องของการเร่งการเรียนรู้
โดยที่มีการศึกษาพบว่า คนเรียนรู้ได้เร็วขึ้นจากการลงโทษมากกว่าการให้รางวัล ซึ่งตรงนี้มีที่มาจากความพารานอยด์ในอดีตของมนุษย์ที่จะต้องอยู่รอด จึงให้ความสำคัญในเรื่องลบ มากกว่าเรื่องบวก
ดังนั้นเราก็มักจะเห็นกระบวนการหลายอย่างในชีวิตประจำวัน เช่น การรีวิวโค้ดแล้วบอกว่าควรแก้ไขการเขียนอย่างไรดี การตักเตือนคนให้สวมหน้ากากอนามัย การให้ใบสั่งจอดรถในที่ห้ามจอด ก็เป็นตัวอย่างของการให้ Negative Feedback นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Negative Feedback จะช่วยทำให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการเร็วขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาอะไรบางอย่างได้ มันก็มีข้อควรระวังเช่นเดียวกัน
เพราะบางกรณี มันอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ต่อต้านและส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ ไม่สร้างประสิทธิภาพได้เช่นเดียวกัน โดยอาจจะทำให้เกิดสิ่งต่อไปนี้ขึ้นมา:
- การตอบโต้หรือแก้เผ็ด เช่น ไปนินทา ลับหลัง มีดราม่าการเมือง
- การเพิกเฉยกับ Feedback
- การออก ไม่ร่วมงานต่อด้วย
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงในการใช้ Negative Feedback คือ
การที่ตัวมันเองเป็นเป็นสิ่งที่สามารถส่งผลอย่างต่อเนื่องได้ โดยที่
- คนจะเอาไปคิดจริงจังกว่า Positive Feedback
- คนจะเอา Negative Feedback ไปคิดละเอียดกว่า Positive Feedback
- คนจะจำนานกว่า Positive Feedback
ซึ่งการที่ Negative Feedback มีผลมากกว่า Positive Feedback นี้เอง เราจะเรียกว่า Positive — Negative Asymmetry
ดังนั้นถ้าเราจำเป็นต้องให้ Negative Feedback เราควรที่จะให้ Positive Feedback จำนวนพอสมควร เพื่อที่จะทำให้มันเท่ากัน
Dr. Gottman และ Robert Levenson ได้เคยทำการศึกษาคู่สมรสเกี่ยวกับพฤติกรรมการแก้ไขความขัดแย้งโดยมีการติดตามคู่สมรสไปเป็นเวลา 9 ปี เขาสามารถทำนายได้ว่าคู่ไหนจะยังอยู่ด้วยกันและคู่ไหนจะหย่าร้าง ได้ถึง 90%
โดยแก่นของมันอยู่ในสิ่งที่เกิดขึ้นในการแก้ไขความขัดแย้งของคู่สมรสในช่วงแรกของการทดลอง
เขาสรุปไว้ดังนี้ครับว่า
ในการที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดี จะต้องมีอัตราส่วนของ Negative Feedback กับ Positive Feedback ในอัตราส่วน 1:5
นั่นคือ Negative Feedback เรื่องเดียว จะมีค่าเท่ากับ Positive Feedback 5 เรื่อง
ในเรื่องของการทำงานนั้น ผู้สอนจึงแนะนำให้ฝึกพูด Positive Feedback ไว้เยอะๆ เพราะเวลาที่จะให้ Feedback เราจะให้ทั้ง Positive และ Negative และต้องให้ Positive Feedback เยอะกว่า Negative Feedback มาก
ขณะที่วิธีเข้าหาก็เป็นอะไรที่สำคัญ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ แนวทางที่คุณ Elton Simmons ใช้ในบทความก่อน โดยคร่าวๆ คือ สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร ไม่กล่าวโทษ ใช้หลักฐานที่ชัดเจน
โดยสรุปนะครับ Negative Feedback มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ตัวมันเองช่วยให้เรียนรู้ได้เร็วกว่าช่วยในการแก้ไขปัญหาได้ แต่ต้องระวังผลลบถ้าใช้ผิดวิธี และพยายามใช้ร่วมกับ Positive Feedback ก็จะเป็นอะไรที่ดีครับ