Single Family-zoning กับผลกระทบทางสังคมใน US
ในช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสไปที่อเมริกาในตอนเด็กๆ สิ่งหนึ่งที่แอบรู้สึกประทับใจและมักจะแอบคิดเปรียบเทียบกับบ้านในเมืองไทยตอนนั้นคือ เราได้ไปอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวมีสนามหญ้าหน้าบ้าน แล้วก็รอบข้างไม่อึดอัด และดูเงียบๆ ขณะที่บ้านที่อยู่ในเมืองไทยก็เป็นบ้าน 3 ชั้นในซอยซึ่งมีทั้งผู้พักอาศัย ร้านทำงาน มีเสียงเคาะอุปกรณ์ทำงาน ดูไม่ค่อยพักผ่อนเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามพอได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นก็พอว่า แนวทางนี้ก็ได้สร้างปัญหาบางอย่างในสังคมของเขา ซึ่งกลับเป็นสิ่งที่สังคมเราได้เปรียบกว่า
ในระบบการจัดสรรพื้นที่ในเมืองของอเมริกา มีความเข้มงวดพอสมควร พื้นที่ใดที่ถูกกาหัวไว้ว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัย ห้ามมีการค้าขาย ห้ามมีโรงงาน ไม่เช่นนั้นจะโดนลงโทษหนัก
อย่างไรก็ตามมีการแบ่งพื้นที่แบบหนึ่งที่ใช้กันมาเนิ่นนาน นั่นก็คือการแบ่งโซนสำหรับบ้านครอบครัวเดี่ยวหรือ Single-Family Zoning โดย Zone ที่มีลักษณะนี้จะต้องสร้างเฉพาะบ้านเดี่ยวเท่านั้น ห้ามสร้างอาคารแบบอื่น แม้กระทั่ง ทาวน์เฮาส์ ดูเพล็ก หรือ อพาร์ตเมนท์
ซึ่งแนวคิดแรกสุดในการมี Single-Family Zoning คือการแบ่งแยกคนขาวออกจากคนกลุ่มน้อยนั่นเอง โดยคนผิวขาวมีรายได้จะได้อยู่ในบ้านเดี่ยว ซึ่งแยกจาก คนผิวสีที่มีรายได้น้อยซึ่งอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนต์
โดยการประกาศ Single-Family Zoning จะห้ามการซื้อขายบ้านในบริเวณนี้กับคนผิวสี
แม้ว่าการแบ่งแยกสีผิวจะเริ่มหายไปจากอเมริกาแล้ว แต่ Single Family Zoning ก็ยังอยู่ และกินพื้นที่ค่อนข้างมากในประเทศ เช่นในบริเวณ Bay Area ส่วนที่เป็น Single Family Zoning กินพื้นที่ประมาณ 83% ของพื้นที่อาศัยทั้งหมด
และแน่นอนว่า การที่เป็นพื้นที่สำหรับบ้านครอบครัวเดี่ยว ทำให้ใช้พื้นที่มาก ทำให้ Supply บ้านในพื้นที่ลดลง ราคาบ้านสูง
และเนื่องจากมีการแยก Zone ของบ้านและแหล่งธุรกิจอย่างชัดเจน ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องเดินทางเพื่อไปกระทำธุรกิจ เช่นไปซื้อของ ตัดผม ฯลฯ
อย่างไรก็ตามผลกระทบที่สนใจเรื่องหนึ่งคือ ผลทางสังคม เมื่อผู้คนอยู่ที่บ้านก็ไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมอะไรกับคนรอบข้าง ถ้าจะทำกิจกรรมต้องออกไปจากบริเวณนั้นเท่านั้น ทำให้ไม่มีกิจกรรมภายในชุมชม เมื่อเทียบกับชุมชนของเอเชีย หรือยุโรป
อย่างในยุโรป ก็มีการอนุญาตพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ไม่ใหญ่มากอยู่ใน บริเวณที่พักอาศัยได้ ทำให้เกิดชุมชน เล็กๆ ที่สามารถเดินเท้าไปหากันได้ เกิดกิจกรรมต่างๆ ในบริเวณนั้นๆ
ในเอเชียก็เช่นเดียวกัน ที่เราสามารถเดินซื้อของหน้าปากซอยก่อนเข้าบ้านได้ หรือทักทายเพื่อนบ้านด้วยความที่อยู่ใกล้ชิดกันได้
ในปัจจุบัน อเมริกาเริ่มมีความพยายามในการปรับเปลี่ยน เช่นใน Sacramento , Berkeley ก็เริ่มที่จะอนุญาตให้สร้าง duplex / fourplexes ด้วยปัญหาการขาดพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงการลบสัญลักษณ์ของการแบ่งแยกชนชั้นออกไปนั่นเอง
จริงๆ แม้ว่าส่วนตัวจะค่อนข้างประทับใจในตอนที่ได้ไปอยู่ในบ้านเดี่ยวๆ ช่วงนั้น อย่างไรก็ตาม ชีวิตในตอนนี้ที่เบื่อๆ ก็ออกไปซื้อขนมกินแถวบ้าน หรือซื้อกาแฟกินก็เป็นอะไรที่สบายๆ บางครั้งช่วงเวลาที่ผ่านไป ก็ทำให้เราได้เห็นทั้งสิ่งข้อดีและข้อเสียของแต่ละอย่าง แล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้เช่นกัน
อ้างอิง