Startup Review: EP 12-Sometimes life hits you in the head with a brick
ในซีรีย์ของ Startup ถ้าให้เรื่องช่วงหนึ่งที่น่าจะทรงคุณค่าต่อการมาเล่ากัน ก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ใน Episode 12 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้ มันอาจจะเรื่องที่ไม่น่าจดจำก็เป็นได้
ปล. อีกครั้ง Spoil 100%
การตัดสินใจผิดพลาดเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเราจะทำงานเดี่ยวหรือทำงานเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจ ซึ่งบางครั้งก็เป็นการแข่งขัน บางครั้งก็เป็นการร่วมมือกัน ซึ่งผลของความผิดพลาดนั้นก็มีอยู่หลายแบบ ตั้งแต่มีผลเล็กน้อย ไปจนถึง ต้องออกจากบริษัท หรือบริษัทล้มเลยก็มี
ซึ่งใน ตอนนี้ก็ได้จำลองบทหนึ่งที่สำคัญในกระบวนการทำธุรกิจของ Start-up ได้ดี นั่นก็คือการเข้าลงทุนของบริษัทใหญ่ กับบริษัท Start-up แต่ก็ต้องบอกว่าในสถานการณ์จริงๆ มันเป็นไปได้หลาย Scenario ไม่ใช่ว่าเราจะไปดูตอนนี้จบแล้ว ไปเหมารวมว่าทุกบริษัทมันจะคิดแบบนี้ เช่น
- บริษัทใหญ่ที่ตั้งในจะลงทุนจริงๆ และอาจจะมีส่วนในผลกำไร หรือการเข้าร่วมประชุมบอร์ดเท่านั้น เช่นกรณีของ SoftBank ที่ไปช่วยลงทุน Startup ส่วนใหญ่ ในสถานการณ์ปกติ (ต้องบอกอย่างนั้นเพราะ มันจะมีกรณีของ WeWork ที่ไม่ปกติ)
- บริษัทที่ตั้งใจ Acquire เพื่อ Merge รวมจริงๆ เช่น Facebook เข้าซื้อ Whatsapp ลักษณะนี้ ก็จะเริ่มดึงอะไรบางอย่างไปตาม Policy หรือ Mission ของบริษัท เช่น การ consolidate infrastructure ของ whatsapp ขณะเดียวกัน Whatsapp ก็เป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับ Facebook อย่างต่อเนื่อง
- บริษัทที่ตั้งใจ Acquire เพื่อจ้างทีมงาน (acqui-hires) บริษัทใหญ่อาจจะเข้า Acquire เนื่องจากอยากได้พนักงานก็เป็นได้ เช่น กรณีของ Facebook เข้าซื้อ FriendFeed เพื่อดึงตัว Bred Taylor มาเป็น CTO
- บริษัทที่ตั้งใจ Acquire เพื่อฆ่า โดยบริษัทใหญ่จะเข้าซื้อเพื่อเอาเทคโนโลยี และปิดบริการเพื่อสร้างความได้เปรียบของบริษัท เช่น กรณีของ Microsoft Acquire Wunderlist ได้นำเอาทีมงานมาร่วมพัฒนา Feature ใน Todo และสุดท้ายได้ปิดบริการของ Wunderlist ในปี 2020 หรือ Apple เข้าซื้อ Dark Sky แล้วปิดบริการ Android App และ กำลังจะปิดบริการการเข้าถึง API สำหรับเจ้าอื่นๆ ในภายหลัง
และแน่นอนมันก็มีบริษัทที่ถูก Acquire แล้วออกจากบริษัทแม่เลยก็มี อาจจะด้วยวัฒนธรรมองค์กรไม่ตรงกัน หรือแม้กระทั้่ง ออกไปตั้งบริษัทแข่งอีกรอบ ก็เป็นไปได้
รายละเอียดเป็นจุดสำคัญ
ซึ่งในกรณีของเรื่อง Startup นี้ ก็จะเป็นการ Acquire to Hire โดยตัวของ Alex จากบริษัท 2sto นั้นมีความสนใจในความสามารถของนัมโดซานอยู่แล้ว
ณ ตรงนี้ จุดที่ถือเป็นเจตนาสำคัญในบทละครคือ Alex แทบจะเป็นตัวละครเดียวในเรื่องนอกจากทีมซัมซานเทคที่สนใจ Tech อย่างจริงๆจังๆ โดยมีการแสดง Clue ต่างๆ ที่ไม่ใช่คำพูด มากมาย เช่น การใช้รถกี๊กในการเดินทาง ความรู้สึกว้าวในผลการแข่งขัน หรือ การทดสอบช่วง Demo ที่ให้ลองเอาอุปกรณ์ มาเป็นตัวแปรควบคุม
แน่นอนว่าคำพูดอาจจะสิ่งที่ฝึกกันได้ในการโน้มน้าวและนำเสนอ แต่พฤติกรรมความสนใจ ที่ไม่ได้พูดออกมา จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจคน และพิจารณาเจตนาของแต่ละคนว่าจะมาไม้ไหนได้ดี
แน่นอนว่า อาจจะสายไปหน่อย แต่การที่มีบทที่ซอดัลมี พูดออกมาว่า อเล็กไม่ได้พูดอะไรกับ Business Model ของ นุนกิลเลย เป็นจุดที่จะเชื่อมในการพิจารณาความผิดพลาดของตัวเอง แล้วส่งไปยังตอนที่ 16 ได้อย่างดี
และตรงนี้ในบทละครก็ทำได้ดี ตรงที่ให้โอกาสทีมได้แก้ตัว ในตอนที่ 16 กับคุณนักข่าวนั่นเอง
สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การให้ความสนใจกับรายละเอียด ทั้งในส่วนของผู้ที่เข้ามา ทั้งสิ่งที่เขาพูดและไม่ได้พูด และ ในธุรกิจสิ่งที่เขียนมีน้ำหนักกว่าสิ่งที่พูด ต้องระมัดระวังให้มาก
Love and Loss
อย่าหาว่าผมไปลอก Quote ในตำนานมาเลยนะครับ แต่ส่วนตัวคิดว่า มันน่าจะเป็น Inspiration ในบทตอนนี้เลยทีเดียว
ถ้าเราพิจารณาในเหตุการณ์ เฉพาะใน EP ที่ 12 อย่างเดียว ในช่วงเวลานั้น มันคงจะเป็นเหตุการณ์ที่หนักมากเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต
กับการตัดสินใจหลายๆ อย่างที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นความไม่ละเอียด ความไม่เชื่อใจ Bias ส่วนตัว ความมั่นใจ มันโหมประดังเข้ามาในทุกทิศทุกทาง แล้วสุดท้ายส่งผลให้ทีมแตกขนาดนั้น แม้กระทั่ง 3 คนที่ได้ไป อเมริกา ก็ไม่ได้รู้สึกยินดี แต่กลับเสียใจอย่างหนักที่ตัวเองมีส่วนผิดพลาดถึงขนาดทีมแตกได้
แน่นอนว่าตัวประธานซอดัลมีเองก็เสียใจไม่น้อยกว่าใคร เพราะเธอมีความฝัน และอยากทำโลกที่ดีขึ้น ที่เธอคิด อยู่ๆ ก็มาเจอตออย่างจัง โดยที่เกิดจากการอ่านสัญญาไม่ละเอียด ทำให้ทุกอย่างที่ทำมา หายไปหมดในทันที
อารมณ์เหมือนกับ เหรียญคอยน์ต่างๆที่เป็นข่าวช่วงนี่ ที่พาขึ้นสูงแล้วก็ ลงลิฟท์มาแรงๆ ให้ตื่น
อย่างไรก็ตาม อันนี้ก็ชื่นชมบทละครที่ Fast Forward เหตุการณ์หลังจากทีมแตกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็จะได้เป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของ ตัวละครแต่ละคนได้ดีมาก หลังจากที่เกิดความผิดพลาดในครั้งนั้น
ซอดัลมี มีประสบการณ์มากขึ้น ได้เป็นประธานบริษัทลูกของพี่สาว และได้รับการเรียนรู้ประสบการณ์การทำธุรกิจจากพี่สาว จนเรียกว่าถ้าไม่เจอเคสโดนแฮคก็ถือว่า แข็งแรงมาคนหนึ่ง
สามสหายที่ไปอเมริกา นอกจากความสามารถที่เพิ่มขึ้น ก็มีวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น มีฐานะที่เพิ่มขึ้น เอาง่ายๆ ก็สังเกตจาก รถที่ขับ ชุดที่ใส่ ที่ประกอบกัน เรียกว่าไม่ต้องง้ออุปกรณ์หัวหน้าฮันอีกแล้ว หลังจากนี้
น่าเสียดายที่คุณซาฮาถูกทำบทเก่งมาตั้งแต่ต้น เลยอาจจะไม่ได้เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ แต่ก็น่าจะเป็นเพื่อนช่วยคิดกับซอดัลมีที่ดีมาก
และแน่นอนว่า ถ้าไม่มีตอนที่ 12 นี้ เราอาจจะไม่ได้เห็นบทรัก ของทั้ง คู่ตัวละครนำ และบทกุ๊กกิ๊กของคุณซาฮากับชุลซานก็เป็นได้
ในหนังสือ Thinking in Bet ได้กล่าวไว้ใน ณ เวลาปัจจุบัน เราจะรู้สึกกับปัญหาที่เราเจอหนักและบิดเบี้ยวกว่าปกติ เราจำเป็นต้องถอยออกมาดูในภาพรวมมากขึ้น
ถ้าเราย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต เราน่าจะจำเหตุการณ์ที่เสียใจมากๆ ในช่วงเวลานั้นได้ หลายๆ ครั้ง เหตุการณ์นั้น เรากลับไม่ได้รู้สึกเสียใจมากเท่าในครั้งนั้นแล้ว หลายครั้ง เราอาจจะขอบคุณมัน เพราะมันนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าก็เป็นได้
บทส่งท้าย
ในปี 2005 Steve Job ได้รับเกียรติให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ให้กับบัณฑิตที่ Stanford ในสุนทรพจน์นั้น ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เขาโดนไล่ออกจากบริษัท ได้ประมาณนี้
เขาโดนไล่ออกจาก Apple เมื่ออายุ 30 ปี เป็นการโดนไล่ออกที่โด่งดังมาก เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดได้แหลกสลายไปกับตา (Devastating)
หลังจากที่เขาโดนไล่ออกเขาไม่รู้จะทำอะไรไปเป็นเดือนๆ รู้สึกผิดต่อผู้ประกอบการคนอื่นๆ และอยากจะออกจาก Silicon Valley ไปซะ
อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกว่าเขายังชอบสิ่งที่ทำ เขาก็เลยคิดที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่าง
สุดท้ายเขาได้ก่อตั้งบริษัท NeXT, Pixar ได้เจอภรรยาของเขา และสุดท้าย Apple ซื้อ NeXT เขาได้กลับมาที่ Apple แล้วนำเอาเทคโนโลยีของ NeXT มาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Apple ในยุคปัจจุบัน และมีครอบครัวที่ดีกับคนที่เขารัก
และสิ่งที่เขากล่าวไว้อย่างน่าสนใจคือ
การโดนไล่ออกจาก Apple เป็นเหตุการณ์ที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา
ส่วนตัว ผมได้เจอกับคนหลายคน ที่เก่งขึ้น จากเหตุการณ์ที่รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต แม้กระทั่งตัวเอง ก็ยังเคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะนั้น บางทีก็รู้สึกขอบคุณเหตุการณ์เหล่านั้นที่เข้ามาในชีวิต ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เรามาถึงจนทุกวันนี้
ถ้าใครเจอเหตุการณ์นี้อยู่ จงรับรู้ไว้ว่า ในวันนี้ คุณอาจจะรู้สึกแย่กว่าความเป็นจริง แต่มันจะผ่านไป และคุณจะเป็นคนที่ดีขึ้น แล้วคุณจะกลับมาขอบคุณคุณในวันนี้ที่ยังเดินทางต่อไป
ขอปิด ด้วยประโยคของ Steve Job ซึ่งส่วนตัวว่า น่าจะมีอิทธิพลต่อตอนนี้พอสมควร
“Sometimes life hits you in the head with a brick. Don’t lose faith. I’m convinced that the only thing that kept me going was that I loved what I did.”
อ้างอิง
- Start-Up (Series), https://en.wikipedia.org/wiki/Start-Up_(South_Korean_TV_series)
- Steve Jobs 2005 Speech, https://news.stanford.edu/2005/06/14/jobs-061505/
- Thinking in Bet, Annie Duke,