We didn’t do anything wrong, but somehow, we lost
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ Stephen Elop ได้กล่าวขึ้นมาหลังจากที่ Nokia ถูกไมโครซอฟท์ซื้อไป ในราคา 7.17 พันล้าน เมื่อปี 2013
ถ้าใครได้เห็นประโยคนี้แบบผ่านๆ ก็ดูรู้สึกว่า CEO คนนี้นี่มันยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไรอีก ในช่วงนั้นบางคนก็กล่าวไปว่าคนๆ นี้คือม้าไม้เมืองทรอย ที่วางแผนขายให้ Microsoft อยู่แล้ว
แต่ในบรรยากาศจริงๆ มันเป็นอะไรที่ดูน่าเศร้ามาก ถึงขนาดผู้บริหารหลายคนเสียน้ำตากันเลย มันก็ไม่น่าจะเป็นคำที่จะแสดงอะไรให้เห็นแบบข้างต้น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความหมายของประโยคนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจที่จะมาเรียนรู้กันครับ
อะไรคือปัญหาของโนเกียในช่วงนั้น กันแน่
แม้ว่าคำว่า We don’t do anything wrong มันจะมีความหมายว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด
ในมุมนึง คือ เราทำถูกต้องทั้งหมดแล้ว
แต่อีกมุมนึงก็สามารถแปลได้ว่า
เราอยู่เฉยๆ เลยไม่ได้ทำอะไรผิด
คนที่อยู่เฉยๆ เขาก็จะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ไม่ได้วิ่งไปกับโลกเช่นเดียวกัน
บางท่าน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า
โนเกียไม่ได้ทำอะไรผิด แต่โนเกียก็ปฏิเสธความเปลี่ยนแปลง และไม่ได้ทดลองและเรียนรู้สิ่งใหม่เลยในช่วงเวลาที่ผ่านมา
มันเป็นอะไรที่น่าเศร้ามาก เพราะในช่วงเวลานั้น โนเกียมีงบประมาณการวิจัยเป็นอันดับ 2 รองเพียงแค่ไมโครซอฟท์ เอาจริงๆ ในเรื่องของเทคโนโลยี โนเกียก็น่าจะมีไม่ได้ต่างจาก Apple มากนัก เพียงแต่ว่าของเหล่านั้นไม่ได้ถูกเอามาลองใช้ มากกว่า
คุณ Ziyad Jawabra เขาเขียนไว้ใน LinkedIn ว่า…
“The Advantage you have yesterday, will be replaced by the trends of tomorrow. You don’t have to do anything wrong, as long as your competitors catch the wave and do it Right, you can lose out and fail.
…
Those who refuse to learn & improve, will definitely one day become redundant & not relevant to the industry. They will learn the lesson in a hard & expensive way”
โดยสรุปคือ ข้อได้เปรียบที่เคยมี อาจจะหายไปในอนาคต โดยที่ไม่ต้องทำอะไรพลาด เพียงแต่คู่แข่งเขาตามเทรนได้และมาถูกทาง เราก็พ่ายแพ้ได้แล้ว
ใครที่ไม่เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ท้ายที่สุดก็จะหายไปจากอุตสาหกรรม และจะได้รับบทเรียนที่อาจจะแพงที่สุดในชีวิต
ปล. ขอบคุณพี่ไวท์ ของ F11 ที่เล่าเรื่องราวให้ฟังครับ
อ้างอิง