หรือ Layoff อาจจะเป็น new normal
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คิดเอาเอง จากการไปนั่งฟังเขาเล่าหนังสือ 2 เล่ม คือ No Rules Rule และ The Hard Thing about Hard Things.
ในสังคมบ้านเรา มันเป็นอะไรที่ยากมาก ในการที่จะไปเชิญใครออก ถ้าคนๆ นั้นทำงานกับเรามานาน คนๆนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด หรือบางคนอาจจะเป็นระดับ Gate Keeper ซึ่งออกไม่ได้ อย่างมากสุดก็มักจะใช้ Benefit & Compensation ในการกดให้ให้ออกซะมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการจัดการองค์กร ทีม ในช่วงหลังๆ มันจะแสดงผลเสียของการรักษาคนที่ไม่ควรจะอยู่ในองค์กร แล้วจะยังให้อยู่ต่ออีก เช่น
ความเชื่อที่ว่า คนแย่ๆ อยู่ในกลุ่มคนดีๆ จะทำให้คนแย่ๆ กลายเป็นคนดี แต่หลายๆครั้ง คนดีๆ กลับถูกดึงลงไป ตามแรงจูงใจที่ว่า ถ้าคนแย่ยังอยู่ได้ แล้วเราจะทำดีไปทำไม
โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า Toxic Person การรักษาคนประเภทนี้ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น การอยู่นาน หรือพูดจาดี ส่งผลให้คนที่สร้างผลงานดีๆ ออกจากบริษัทแทน
อย่างไรก็ตาม การมาของหนังสือ 2 เล่มของ Netflix คือ Powerful และ No Rules Rule นำพอแนวคิดที่สุดโต่งกว่าเดิมเกี่ยวกับการรักษาพนักงาน
นั่นคือ การมี Talent Density ซึ่งเป็นทั้งคนที่เก่งและดี
ในมุมหนึ่งคือ ไม่มีที่ว่างให้กับคนธรรมดา
ทั้งนี้ เพราะเขาเชื่อว่า ในมุมของโลกของ Creative คนเก่งสามารถสร้างประสิทธิภาพมากกว่าคนธรรมดาประมาณ 10–50 เท่า ในขณะที่โลกของ Operation คนเก่งอาจจะสร้างประสิทธิภาพมากกว่าคนธรรมดา 2–3 เท่า
ประกอบกับสถานการณ์ในช่วงปัจจุบัน ที่มี Covid-19 และเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งเรียกกว่าเป็น Hard Time หรือ War Time อะไรก็แล้วแต่
ด้วยความจำเป็นที่บีบคั้น เจ้าของบริษัท ก็จะต้องรักษาบริษัท รักษาพนักงานที่มีค่าของเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทรัพยากรในช่วงนี้จำกัด ก็ไม่อาจจะรักษาพนักงานได้ทุกคน
เพราะถ้าสถานการณ์เลวร้าย การรักษาพนักงานทุกคน อาจจะไม่สามารถรักษาใครได้เลย
สิ่งที่แอบคิดหลังจากนี้คือ
- ผู้นำองค์กร จะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องการไล่คนออกน้อยลง หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป
- ถ้าองค์กรไหนเอาคนออกไปแล้วผลงานดีขึ้น ผู้นำองค์กรจะเข้าใจสิ่งที่ Reed Hastings พูดเกี่ยวกับเรื่อง Talent Density มากขึ้น และอาจเริ่มปรับมาตรฐานพนักงานให้สูงขึ้น
- ในบ้านเราคงจะเริ่มต้นที่การเอาคนต่ำกว่ามาตรฐาน หรือ Toxic People ออกก่อน จากนั้นจะค่อยๆ ขยับมาตรฐานขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลา
มีองค์กรน้อยมากที่จะกล้าหักดิบไล่คนกลางๆ ออก แนวทางที่เป็นไปได้ น่าจะเป็นการกำหนดเวลาให้พัฒนาตัวเองให้ได้มาตรฐานที่บริษัทต้องการ ภายใน 1–2 ปี มากกว่า
ในอนาคตอันใกล้ บ้านเราอาจจะไม่ได้ตกใจกับการ Lay off กันบ่อยๆ อีกต่อไป
นัยยะของการ Lay off ก็จะเปลี่ยนไป จากความรู้สึกที่ว่า คนที่โดน Lay off ต้องบกพร่องอะไรบางอย่าง จะกลายเป็นเพียงแค่ความไม่เหมาะสมกันระหว่างคนกับองค์กร
สุดท้ายนี้ คนทำงานก็จะต้องมีแนวคิดในการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และสร้างความปลอดภัยทางอาชีพด้วยตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นการ reskill สร้างอาชีพที่สองใหม่หรือ upskill ที่ถนัดเพื่อให้อยู่เหนือมาตรฐานตลาด