แค่ให้เขาเลือกได้ก็พอ
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นว่าวัคซีนไหนดีไม่ดี ก็ยังคงมาหลอกหลอนอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ส่วนตัวก็มีเพื่อนอยู่ใน FB ทั้ง 2 ด้าน ก็จะเห็นทั้งสองฝ่ายพยายาม แสดงข้อดีของตัวเอง และบางครั้ง “ด้อยค่า” วัคซีนอีกเจ้าด้วยข่าวร้าย
เหตุการณ์นี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในช่วงเด็กๆ นั่นคือ ความพยายามบลัฟในเรื่องของเราจะเอารถไฟลอยฟ้าหรือใต้ดินดีนะ
เหตุการณ์นั้นน่าจะเป็นตอนต้นเรื่องของการมีรถไฟฟ้า ซึ่งก็มีทั้งคนไม่เห็นด้วย เพราะตรูจะขับรถ แต่พอผ่านเรื่องนี้ไปได้ ก็จะเป็นเรื่องของ จะลอยฟ้าหรือใต้ดินดีนะ
ทั้งสองฝ่ายก็เอาเอกสารมากมาย มาเดินแจกตามบ้าน เช่น รถลอยฟ้าบดบังทัศนียภาพ ต้องเสียพื้นที่ถนนไป อากาศเป็นพิษเพราะถ่ายเท ไม่ได้
ขณะที่รถไฟใต้ดินก็จะ มีเวนคืนเยอะ เพราะต้องทำปล่องซึ่งไร้ประโยชน์ อีกทั้งกรุงเทพฯดินเลนทั้งนั้นต้องเจาะลึกๆ เสียตังค์มากมาย
สุดท้ายรถลอยฟ้าก็มาก่อน ซึ่งก็จบเรื่องว่า ฝ่ายลอยฟ้าก็สบายใจไป
ถัดจากนั้น พอรถใต้ดินเปิด ทุกอย่างก็พบว่า มันก็ไม่ได้แย่
ที่สำคัญคือ 2 อย่างนี้ ปัจจุบันก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับว่าช่วยในการเดินทางของประชาชนทั้งคู่
นอกจากนี้ ช่วงหลัง เมื่อเราได้ไปประเทศ อย่างญี่ปุ่น เกาหลี หรือสิงคโปร์ ก็จะพบว่า รถไฟฟ้าของเขา ก็อาจจะลงดิน ขึ้นฟ้า บนพื้น ได้ตามสถานการณ์
ปัจจัยว่า รถไฟฟ้าควรจะลงดินหรืออยู่บนฟ้า เลยกลายเป็นเรื่องโต้เถียงที่ปัจจุบันเป็นอะไรที่ไร้สาระ
กลับมาถึงเรื่องวัคซีน เรื่องนี้จริงๆ เงื่อนไข มันควรจะเบากว่ารถไฟฟ้ามากมาย เพราะอย่างหนึ่งมันเป็นสิ่งที่บริโภคได้ ไม่ได้จับจองทรัพยากรตลอดไป หรือ ต้องใช้วัคซีนตัวนี้ตลอดชีวิต
และปัจจุบันข้อมูลการฉีดวัคซีนก็มาจากทั้งโลก ทุกคนเห็นกันหมดอยู่แล้ว ว่าผลลัพธ์ในแต่ละที่เป็นยังไง ข้อมูลเป็นยังไง
แต่จุดสำคัญคือ วัคซีนกลุ่มนี้ทั้งหมด ถือเป็นกลุ่มที่ใช้ยามฉุกเฉิน มีความเสี่ยงทั้งหมด ไม่มากก็น้อย (ปกติวัคซีนกว่าจะออกกันมาได้ใช้เวลา 5 ปี 10 ปี พิสูจน์กันสารพัด)
ซึ่งการบริหารความเสี่ยงในลักษณะที่ไม่แน่ไม่นอนแบบนี้ ก็มักจะใช้ Portfolio Management เข้าช่วย ไม่ว่าจะเป็นบริบทอะไรก็ตาม
แต่ถ้ามีใครสักคนมาบอกว่า เชื่อผม เลือกตัวนี้หรือผมสั่งมาแค่ตัวนี้ สิ่งที่ต้องถามต่อมาคือ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะทำยังไง รับผิดชอบแค่ไหน
ถ้าคิดจะหลบเลี่ยงบอกว่าไม่เกี่ยวๆ คนก็เสื่อมศรัทธา คนหลังๆ เขาก็ไม่เลือกที่จะเชื่อ
ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของความไว้เนื้อเชื่อใจทั่วไป
ถ้ารับผิดชอบเต็มที่ คนก็พร้อมจะเดินตามไม่ยากเย็น
ทีนี้พอตัวเลือกวัคซีนมันน้อย เหตุการณ์มาบลัฟแบบ รถไฟฟ้ากับรถใต้ดินมันก็กลับมาอีกรอบ ทั้งๆที่ไม่ควรจะเกิดสักเท่าไหร่ เพราะ สถานการณ์นี้เราเลือกได้ว่าจะสั่งหรือไม่สั่ง ทรัพยากรก็อาจจะมีจำกัดแค่เรื่องเงิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ไม่มีตัวเลือกไม่ได้
แต่ถ้าใครบอกว่าสั่งตอนนี้ไม่ได้ ก็อาจจะต้องบอกว่า สั่งช้าไป
สุดท้ายก็อยากจากพูดถึงเรื่องแทงม้าเต็ง ส่วนตัวคิดว่าหลายประเทศแทงม้าถูกอยู่เรื่องนึง
คือการเลือกที่จะจองวัคซีนจากยุโรป / US ก่อน จีน
สาเหตุที่คิดว่าอย่างนั้นเพราะว่า supply ยุโรป/ US ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างช็อต ถ้าไม่ได้สั่งตั้งแต่แรกๆ กว่าจะได้ก็นานพอสมควร
แต่ไม่เคยเห็นข่าวการ short supply ของวัคซีนจีนสักเท่าไหร่
ถ้าประเทศอื่นจะต้องการวัคซีนจีน เขาก็ไปสั่งมาแล้วก็ใช้เวลาไม่นานมาก ในการได้รับวัคซีน ขณะที่เราต้องรอวัคซีนทางเลือกถึงเดือนตุลาคม
อาจจะมองดูแง่ร้ายนิดนึง แต่รอบนี้ส่วนตัว การฉีดวัคซีนรอบนี้เหมือน รัสเซียนรูเล็ต ที่มีโอกาส 1/ ล้าน ที่อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา
การที่คนเลือกวัคซีนเอง เพราะเขาเชื่อว่า ลูกโม่นี้ จะทำให้เขารอด
การที่คนยอมให้รัฐเลือกให้ ก็เป็นทางเลือกที่เขาเลือกว่าจะให้รัฐเลือกให้ เพราะเขาก็เชื่อว่า ลูกโม่นั้น จะทำให้เขารอดเช่นเดียวกัน
และการที่คนเลือกที่จะบินไปอเมริกาเพื่อฉีดวัคซีน ก็เพราะเขาเชื่อว่าลูกโม่โน้น จะทำให้เขารอดเหมือนกัน
ทุกคนมีเหตุผลเบื้องหลังเดียวกันครับ ชนิดของวัคซีนเป็นประเด็นอะไรที่เล็กน้อยมาก
ขอแค่ให้เขาได้เลือกก็พอ