ครบรอบ 100 เรื่อง

Teerayut Hiruntaraporn
2 min readApr 12, 2021

--

เรื่องนี้เขียนบันทึกไว้หลังจากที่เขียน Blog ทุกวันตั้งแต่ปีใหม่จนครับ 100 ครั้ง โดยไม่หยุดแม้แต่วันเดียวโดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม

วันนี้ก็เลยว่าจะมาคุยถึงที่มาที่ไปในการเขียนแล้วก็ สิ่งที่ได้พบระหว่างการเขียนไปเรื่อยๆ ครับ

เราเริ่มที่สาเหตุของการมาเขียน Blog กันก่อน ก็มีอยู่ 2 เรื่อง

เรื่องแรกก็มาจาก Review หนังสือเรื่อง The power of output ที่ อ. นพดล กับ คุณรวิศ เอามา review ในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งเล่าว่า การไม่ได้ output อะไรออกมามันทำให้รอบของการเรียนรู้มันไม่สมบูรณ์ เมื่อไม่มีการ reflex ความคิดของตัวเอง ก็จะไม่ได้มีการเหลาความคิดให้นำไปใช้ต่อได้ เป็นเพียงวัตถุดิบในสมองที่รอให้มันละลายไป ก็เลยมีความคิดเล็กๆ ว่า จะลองเขียนอะไรออกมา

อีกเรื่องคือปัญหาการเขียนของตัวเองที่ไม่ค่อยได้เขียนอะไรมานาน ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งต้องมาทำเอกสารเองของบริษัท ใช้เวลาทำไป 2 เดือน ใช่ครับประมาณ 2 เดือน

พอเขียนเสร็จแล้ว (ซึ่งงานก็ไม่ได้ดีอ่ะนะ) ก็เลยคิดปัญหาว่าอะไรคือสาเหตุ ก็คิดว่า ความไม่มั่นใจในการเขียน กับการไม่ได้เขียนบ่อยๆ ทำให้ไม่สามารถพิมพ์อะไรออกมาได้เร็วๆ

เลยคิดถึงเรื่องการพูดหน้าห้องที่ก็เคยเป็นปัญหา แต่ช่วงหนึ่งมีการไปพูดบ่อยๆ เลยทำให้การอยู่บนหน้าห้อง ไม่ค่อยจะกังวลมาก เลยคิดว่าก็น่าจะแก้ปัญหาคล้ายๆกันสำหรับงานเขียนได้

สรุปก็คือ เขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกไม่กังวล

หลังจากคิดไว้แล้วว่าจะเขียน Blog ก็มีคำถามว่า จะเขียนแบบไหนดี ก่อนหน้านี้เคยคิดแบบสัปดาห์ละครั้ง ออกแบบไว้สวยๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เลยคิดถึงช่วงปีนึง ที่ทางพี่ๆ แก๊ง Agile ทำ challenge เขียน blog ทุกวัน

ดังนั้นก็เลยคิดว่า ก็เขียนมันไปทุกวันเลยหล่ะกัน

แน่นอนว่าสิ่งที่กังวลที่สุดคือ แล้วจะมีอะไรเขียนไหม ถ้าเวลาผ่านไปนานๆ ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็เกิดปัญหามาก หลังผ่านสัปดาห์แรกไปแล้ว มันรู้สึกเหมือนจะไม่มีอะไรเขียน

บางครั้งนั่งคิดไปถึงตีหนึ่งก็ยังไม่มีอะไรเขียน จนกระทั่งหลับหูหลับตาเขียนไป

ช่วงนึงก็ถือว่าเป็นอะไรที่ทรมานอยู่พอสมควร

ทีนี้ก็มาถึงประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้หลังจากการเขียน Blog ผ่านมา 100 ครั้งนะครับ

  1. ความกังวลแรกสุดคือความกลัวว่าเรื่องที่เขียนมันจะดูโง่ในสายตาคนอื่นไหม หรือว่ามันจะไม่ Perfect อันนี้เป็นปัญหาแรกสุดที่จะเจอ แล้วเราจะทำงานหนักมากในช่วงแรกๆ แต่ ณ จุดนี้ อยากจะบอกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะ “มันจะไม่มีใครมาสนใจขนาดนั้น” เราไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้น หลายๆคนมาดูแล้วก็จากไป ไม่ได้มา comment อะไรดุเดือด
    ตรงนี้อาจจะดูน่าเศร้าใจ เพราะเราอุตส่าห์ตั้งใจหาข้อมูล มาเขียน แต่อยากบอกว่านี่คือโอกาสที่ดีที่จะเพิ่มความมั่นใจของตัวเอง เราสามารถเขียนไป ลองผิดลองถูก เขียนแนวทางอะไรต่างๆ นานา ให้เรามั่นใจในช่วงนี้ได้ โดยไม่ต้องมีอะไรมาแบกไว้
    เอาง่ายๆ ส่วนตัวนั่งเขียน Marketing 5.0 ไป ก็เชื่อว่า หลายคนก็คงจะไปอ่านจาก คนที่เป็นนักการตลาดจริงๆ ก็จะได้รายละเอียดมากกว่า อยู่แล้ว แต่เราก็อยากลองสรุปอะไรตามความเข้าใจของตัวเองไป ประโยชน์ที่ได้มันก็อยู่กับเรา ไม่ใช่คนอื่น
  2. Sprint กับ Marathon ในการเขียน ในช่วงแรกๆ ยอมรับว่าพยายามจะหาข้อมูลเยอะๆ บางครั้งเขียนไปแล้ว พยายามใส่ให้หมด บางจุด ขาด ref ก็พยายามไปหา ref และเรื่องก็เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ใช้พลังงานเยอะ แล้วก็รู้สึกคุณภาพไม่ค่อยดีมาก
    ผ่านไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่า เราควรจะลด scope ของ Topic ลงไม่งั้นเราจะไม่ไหว และหมดเรื่องเขียน ประกอบกับการไปดู Blog ของคนอื่นด้วย หลายคนที่เขียนบ่อยๆ ก็จะมี topic ที่ specific กว่า คนที่เขียน blog แบบสัปดาห์ละครั้ง เดือนละครั้ง
    เรื่องนี้เลยสอนให้รู้ว่า เราต้องเข้าใจตัวเองว่าในช่วงเวลาที่เราต้องการ เราจะทำเรื่องยังไงให้พอดีคำ
  3. การทำอย่างต่อเนื่องจะค่อยๆ ปลดล็อกทักษะ และเพิ่มความชำนาญไปเรื่อยๆ ถ้าย้อนไปดูในช่วงเดือนแรก กับปัจจุบัน ก็รู้สึกว่าจะเขียนอะไรเร็วขึ้น เริ่มมีความกังวลในการเขียนน้อยลง ในระยะหลังส่วนตัว ชื่นชอบแนวทางการพัฒนาตามแนวทางของ Kata มาก เพราะมันคือการ practice ทีละเล็กทีละน้อยแต่สม่ำเสมอ ซึ่งมันจะสร้างความเคยชิน และ muscle memory ได้ดี
    ในมุมของหนังสือ Think Fast and Slow นี่คือรูปแบบนึงในการพัฒนา System Type I ซึ่งถ้าตรงนี้สามารถทำได้รวดเร็ว มันจะลดภาระ ให้กับ System Type II ให้ไปคิดในเรื่องที่ควรจะคิดมากขึ้น

ก้าวต่อไปของการเขียน Blog นะครับ

ส่วนตัวก็คงจะเขียนต่อไป แต่ก็อยากจะเพิ่มความท้าทายส่วนตัวมากขึ้น

จากปัจจุบันก็มีสิ่งที่ไม่พอใจอยู่ 2 เรื่อง

  1. การเขียนในช่วงที่ผ่านมาเป็นลักษณะที่เรียกว่า Impromptu มากเกินไปหน่อย หรือเรียกง่ายๆ แบบเขียนเลยไม่มีวางแผนอะไรมากมาย ประมาณตอนกลางคืน เปิด Medium แล้วก็นั่งพิมพ์ไปเรื่อยๆ แบบตอนนี้… ซึ่งมันช่วงในเรื่องการคิดแบบนึง แต่ก็จะขาดในเรื่องของการวางแผนการเขียน ตรงนี้ก็อยากจะเพิ่มขึ้นมา
  2. เรื่องที่เขียนตอนนี้ก็เป็นภาษาไทยทั้งหมด ก็ไม่ได้ exercise ภาษาอังกฤษของตัวเองมานานพอสมควร

ดังนั้นเดี๋ยวหลังจากนี้ก็จะมี สิ่งที่ปรับเพิ่มได้แก่

  • จะมี Blog ที่คิด Topic ล่วงหน้า 1 วันต่อสัปดาห์
  • จะมี Blog ที่เป็นภาษาอังกฤษ 1 วันต่อสัปดาห์
  • Blog ปกติ 3 วัน

ยังไม่ได้ Schedule วันที่ชัดเจน แต่คิดว่าจะเริ่มในสัปดาห์หน้าครับ

ส่งท้ายด้วย สถิติในการเขียน Blog ที่ผ่านมานะครับ เอาเฉพาะช่วง 3 เดือนที่เขียน Blog มากรัวๆ

เรื่องที่ได้รับการ view มากที่สุด 3 เรื่องได้แก่

  1. ถ้า Product ต้องมีทุกอย่าง เพื่อที่จะบอกว่ามันดี มันอาจจะไม่ใช่นวัตกรรมก็ได้
  2. Peter Principle: เมื่อคุณเสียวิศวกรเก่งๆ แล้วได้ผู้จัดการกากๆ มาแทน
  3. ความเข้าใจผิดในการแก้ปัญหา

ขณะที่เรื่องที่ได้รับการตบมือมากที่สุด ได้มา 3 เท่ากัน ได้แก่

  1. Peter Principle: เมื่อคุณเสียวิศวกรเก่งๆ แล้วได้ผู้จัดการกากๆ มาแทน
  2. เรื่องของ Scarcity กับ Clubhouse
  3. สิ่งที่ได้บันทึกไว้จากห้องหัดตั้งคำถาม

สุดท้าย ต้องขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ให้ความเห็นหรือตบมือให้นะครับ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กัน

ขอบคุณหลายคนที่ได้คุยกันแล้วก็ให้กำลังใจมา บางคนก็บอกว่าตามอ่านอยู่นะ เขียนบ่อยๆ

ขอบคุณนะครับ ^^

--

--

Teerayut Hiruntaraporn
Teerayut Hiruntaraporn

Responses (1)